สารบัญ
- การฝึกงาน คืออะไร
- การฝึกงาน แตกต่างจาก การทดลองงาน หรือไม่
- กฎหมายแรงงาน มีอะไรบ้าง ฉบับล่าสุด
- กฎหมายแรงงาน เลิกจ้าง
- ค่าแรงขั้นต่ำ 2567 แต่ละจังหวัด
การฝึกงานคืออะไร?
การฝึกงาน
หมายถึง กระบวนการเพื่อเพิ่มทักษะ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แก่การประกอบอาชีพ ที่ช่วยให้ผู้ฝึกงานมีความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติงานจริงจากสถานประกอบการ และเพื่อให้เกิดทักษะในการทำงานที่ดี และสอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การฝึกงานยังส่งผลให้ผู้ฝึกงานได้เรียนรู้ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน และเทคนิคการทำงาน ตลอดจนวิธีการสร้างสรรค์ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่น ทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพการทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตต่อไปได้นะครับ
การทดลองงาน (Probation)
หมายถึง เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่นายจ้างให้พนักงานใหม่โดยทำงานภายใต้การทดลอง เพื่อที่จะประเมินความสามารถ ทักษะ และความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ได้รับ ซึ่งการทดลองงานมักมีระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน และในช่วงนี้นายจ้างสามารถตัดสินใจได้ว่าจะรับพนักงานให้อยู่ต่อหรือไม่ จะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นต้องขึ้นอยู่กับผลการประเมินที่ได้จากการทำงานในช่วงทดลองงานจากนายจ้าง หากพนักงานผ่านการทดลองงาน นายจ้างจะให้พนักงานเป็นพนักงานประจำ และอาจจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่บริษัทกำหนด แต่หากไม่ผ่าน นายจ้างมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกการจ้างงานได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้านะครับ
การฝึกงาน แตกต่างจาก การทดลองงาน หรือไม่
ผมสามารถแบ่งได้เป็นหัวข้อได้ดังนี้ครับ
1.วัตถุประสงค์
- การทดลองงาน: เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อประเมินพนักงานใหม่ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อดูว่าพนักงานสามารถทำงานได้ตามที่คาดหวังหรือไม่ และเพื่อดูความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ
- การฝึกงาน: เป็นโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานได้ฝึกฝนทักษะและเรียนรู้การทำงานในสภาพแวดล้อมจริง ดดยส่วนใหญ่มักเป็นนักศึกษาหรือผู้ที่เพิ่งจบการศึกษานะครับ
2.สถานะของผู้ทำงาน
- การทดลองงาน: ผู้ที่อยู่ในช่วงทดลองงานถือว่าเป็นพนักงานของบริษัท และมีโอกาสที่จะกลายเป็นพนักงานประจำหลังจากผ่านการประเมิน
- การฝึกงาน: ผู้ฝึกงานไม่ถือว่าเป็นพนักงานประจำ และมักจะเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
3.ระยะเวลา
- การทดลองงาน: มักมีระยะเวลา 3-6 เดือน
- การฝึกงาน: ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์จนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการฝึกงานของบริษัทฯนั้นๆได้กำหนดไว้ครับ
4.ค่าตอบแทน
- การทดลองงาน: พนักงานในช่วงทดลองงานมักจะได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้กับนายจ้าง
- การฝึกงาน: ผู้ฝึกงานอาจได้รับค่าจ้างหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทและประเภทของการฝึกงาน
5.เป้าหมายหลังสิ้นสุดระยะเวลาทำงาน
- การทดลองงาน: หลังสิ้นสุดระยะเวลาทดลองงาน นายจ้างจะตัดสินใจว่าจะให้พนักงานนั้นเป็นพนักงานประจำหรือไม่
- การฝึกงาน: หลังสิ้นสุดระยะเวลาฝึกงาน ผู้ฝึกงานอาจมีโอกาสได้รับการพิจารณาเป็นพนักงานประจำ แต่ไม่มีการรับประกัน
กฎหมายแรงงาน มีอะไรบ้าง ฉบับล่าสุด
กฎหมายแรงงานประเทศไทยนั้นมี 4 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 กฎหมายเกี่ยวกับ การคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ หรือ (พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2566)
ประเภทที่ 2 กฎหมายเกี่ยวกับ การจัดหางาน หรือ (พระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 (ฉบับที่ 3)
ประเภทที่ 3 กฎหมายเกี่ยวกับ การประกันสังคม หรือ (พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๕๘)
ประเภทที่ 4 กฎหมายเกี่ยวกับ การพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือ (พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕)
กฎหมายแรงงาน เลิกจ้าง
“การบอกเลิกสัญญาจ้าง” หมายความว่า การแสดงเจตนาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องการยุติสัมพันธ์ความเป็นนายจ้างและลูกจ้าง ที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติต่อกันภายใต้กฎหมายแรงงาน
เว้นแต่กรณีที่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าโดยกฎหมายแรงงาน ซึ่งกฎหมายแรงงานได้กำหนดวิธีในการเลิกสัญญาจ้างแรงงานเอาไว้ว่า แต่ละฝ่ายจะต้องทำอย่างไรบ้าง และถ้ามีการเลิกสัญญาจ้างโดยไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้ นายจ้างหรือลูกจ้างจะต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างไรบ้าง
โดยในกรณีที่มีการเลิกสัญญาจ้างแรงงานโดยไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดนั้นก็ยังคงมีผลเป็นการเลิกสัญญาจ้างแรงงาน แต่ฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องนี้จะต้องมีความรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยหลักการสำคัญในเรื่องนี้สามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้
1. สัญญาจ้างแรงงานที่กำหนดระยะเวลาการจ้าง
สัญญาจ้างซึ่งมีกำหนดระยะเวลาจ้างเช่น นายจ้างและลูกจ้างทำสัญญาจ้างระยะเวลา ๑ ปีนับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ถึง วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้าง ความเป็นนายจ้างลูกจ้างย่อมสิ้นสุดลง โดยทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
2. กรณีสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการจ้าง
การเลิกสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการจ้าง ฝ่ายที่จะบอกเลิกสัญญาจ้าง ต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบโดยระยะเวลาการบอกกล่าวล่วงหน้านั้น โดยจะต้องบอกเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดการจ่ายค่าจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้มีผลเลิกสัญญาจ้างกันเมื่อถึงกำหนดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไป โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน
ต่อมาเป็นกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้าง นั้นสามารถดำเนินการได้ 2 วิธีคือ
2.1 นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า และให้ลูกจ้างทำงานต่อไปจนครบระยะเวลาที่แจ้งสิ้นสุดสัญญาจ้าง
เมื่อบอกเลิกสัญญาจ้างสามารถให้ลูกจ้างออกจากงานทันที แต่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างจนถึงวันที่สัญญามีผลเลิกกัน หากนายจ้างปฏิบัติไม่ถูกต้องตามวิธีข้างต้นนี้ลูกจ้างสามารถยื่นคำร้อง ต่อพนักงานตรวจแรงงานหรือยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานได้นะครับ
2.2 ส่วนกรณีลูกจ้างประสงค์จะบอกเลิกสัญญาจ้าง
คือ ลูกจ้างสามารถแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าและทำงานต่อไปจนครบระยะเวลาที่แจ้งสิ้นสุดสัญญาจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างไม่แจ้งนายจ้างล่วงหน้าและออกจากงานไปเฉยๆ นั้นเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับ การทำงาน ลูกจ้างอาจจะต้องรับผิดชอบกรณีเกิดค่าเสียหาย โดยนายจ้างสามารถฟ้องต่อศาลแรงงานได้เช่นกันนะครับ
ค่าแรงขั้นต่ำ 2567 แต่ละจังหวัด
1. 370 บาท มี 1 จังหวัด คือ
- จังหวัดภูเก็ต (เดิม 354 บาท)
2. 363 บาท มี 6 จังหวัด คือ
- กรุงเทพมหานคร (เดิม 353 บาท)
- นครปฐม (เดิม 353 บาท)
- นนทบุรี (เดิม 353 บาท)
- ปทุมธานี (เดิม 353 บาท)
- สมุทรปราการ (เดิม 353 บาท)
- สมุทรสาคร (เดิม 353 บาท)
3. 361 บาท มี 2 จังหวัด คือ
- ชลบุรี (เดิม 354 บาท)
- ระยอง (เดิม 354 บาท)
4. 352 บาท มี 1 จังหวัด คือ
- นครราชสีมา (เดิม 340 บาท)
5. 351 บาท มี 1 จังหวัด คือ
- สมุทรสงคราม (เดิม 338 บาท)
6. 350 บาท มี 6 จังหวัด คือ
- พระนครศรีอยุธยา (เดิม 343 บาท)
- สระบุรี (เดิม 340 บาท)
- ฉะเชิงเทรา (เดิม 345 บาท)
- ปราจีนบุรี (เดิม 340 บาท)
- ขอนแก่น (เดิม 340 บาท)
- เชียงใหม่ (เดิม 340 บาท)
7. 349 บาท มี 1 จังหวัด คือ
- ลพบุรี (เดิม 340 บาท)
8. 348 บาท มี 3 จังหวัด คือ
- สุพรรณบุรี (เดิม 340 บาท)
- นครนายก (เดิม 338 บาท)
- หนองคาย (เดิม 340 บาท)
9. 347 บาท มี 2 จังหวัด คือ
- กระบี่ (เดิม 340 บาท)
- ตราด (เดิม 340 บาท)
10. 345 บาท มี 15 จังหวัด คือ
- กาญจนบุรี (เดิม 335 บาท)
- ประจวบคีรีขันธ์ (เดิม 335 บาท)
- สุราษฎร์ธานี (เดิม 340 บาท)
- สงขลา (เดิม 340 บาท)
- พังงา (เดิม 340 บาท)
- จันทบุรี (เดิม 338 บาท)
- สระแก้ว (เดิม 335 บาท)
- นครพนม (เดิม 335 บาท)
- มุกดาหาร (เดิม 338 บาท)
- สกลนคร (เดิม 338 บาท)
- บุรีรัมย์ (เดิม 335 บาท)
- อุบลราชธานี (เดิม 340 บาท)
- เชียงราย (เดิม 332 บาท)
- ตาก (เดิม 332 บาท)
- พิษณุโลก (เดิม 335 บาท)
11. 344 บาท มี 3 จังหวัด คือ
- เพชรบุรี (เดิม 335 บาท)
- ชุมพร (เดิม 332 บาท)
- สุรินทร์ (เดิม 335 บาท)
12. 343 บาท มี 3 จังหวัด คือ
- ยโสธร (เดิม 335 บาท)
- ลำพูน (เดิม 332 บาท)
- นครสวรรค์ (เดิม 335 บาท)
13. 342 บาท มี 5 จังหวัด คือ
- นครศรีธรรมราช (เดิม 332 บาท)
- บึงกาฬ (เดิม 335 บาท)
- กาฬสินธุ์ (เดิม 338 บาท)
- ร้อยเอ็ด (เดิม 335 บาท)
- เพชรบูรณ์ (เดิม 335 บาท)
14. 341 บาท มี 5 จังหวัด คือ
- ชัยนาท (เดิม 335 บาท)
- สิงห์บุรี (เดิม 332 บาท)
- พัทลุง (เดิม 335 บาท)
- ชัยภูมิ (เดิม 332 บาท)
- อ่างทอง (เดิม 335 บาท)
15. 340 บาท มี 16 จังหวัด คือ
- ระนอง (เดิม 332 บาท)
- สตูล (เดิม 332 บาท)
- เลย (เดิม 335 บาท)
- หนองบัวลำภู (เดิม 332 บาท)
- อุดรธานี (เดิม 328 บาท)
- มหาสารคาม (เดิม 332 บาท)
- ศรีสะเกษ (เดิม 332 บาท)
- อำนาจเจริญ (เดิม 332 บาท)
- แม่ฮ่องสอน (เดิม 332 บาท)
- ลำปาง (เดิม 332 บาท)
- สุโขทัย (เดิม 332 บาท)
- อุตรดิตถ์ (เดิม 335 บาท)
- กำแพงเพชร (เดิม 332 บาท)
- พิจิตร (เดิม 332 บาท)
- อุทัยธานี (เดิม 332 บาท)
- ราชบุรี (เดิม 332 บาท)
16. 338 บาท มี 4 จังหวัด คือ
- ตรัง (เดิม 332 บาท)
- น่าน (เดิม 328 บาท)
- พะเยา (เดิม 335 บาท)
- แพร่ (เดิม 332 บาท)
17. 330 บาท มี 3 จังหวัด คือ
- นราธิวาส (เดิม 328 บาท)
- ปัตตานี (เดิม 328 บาท)
- ยะลา (เดิม 328 บาท)
สอบถามเพิ่มเติม
ติดต่อทนาย
ส่งเมล์
info@champ-lawfirm.com
โทร
065 6060622
แชทไลน์
ID: @champlawfirm
สำนักงาน
47/86 Pattaya Klang Rd.