ยึดรถ คืนรถ หมดหนี้เลยมั้ย จะโดนฟ้องมั้ย ต้องเสียอะไรบ้าง

ผ่อนรถไม่ไหว คืนไฟแนนซ์

หลายคนเจอปัญหาการผ่อนรถไม่ไหวและเป็นกังวลว่าจะหาทางออกอย่างไรดี

พอหาข้อมูลไปเจอที่เขาว่าให้ไปคืนรถเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่าส่วนต่างก็คิดซะว่าที่ผ่านมาค่าผ่อนก็เหมือนเช่ารถขับ ฟังดูแล้วน่าจะเป็นทางออกที่ไม่เจ็บตัวเยอะ

แต่หลายครั้งปรากฎว่าไปคืนรถ ไฟแนนซ์ก็ยังมาฟ้องเรียกค่าส่วนต่างอีก

เอ๊ะ!! ยังไงกันแน่ วันนี้ผมจะเล่าความแตกกต่างเรื่องนี้ให้ฟังกันครับ

สารบัญเนื้อหา

ยึดรถ กับ คืนรถ ต่างกันหรือไม่ อย่างไร

ขอเริ่มจากเรื่องการยึดรถกับคืนรถก่อนเลย 

ยึดรถคือการที่ไฟแนนซ์ให้เจ้าหน้าที่หรือตัวแทนมาเอากุญแจและขับรถที่เรารักไปต่อหน้าต่อตา คำถามในเรื่องนี้คืนเขาทำได้ยังไง? ในเมือรถเป็นของเรา 

คำตอบง่ายมากครับเพราะรถไม่ใช่ของเรานั่นเอง ตรงนี้ไม่เหมือนกับสินเชื่อบ้านที่บ้านเป็นชื่อของเราและเราติดแค่หนี้กับทางธนาคาร

แต่รถยนต์นั้นความเป็นเจ้าของเป็นของไฟแนนซ์อยู่จนกว่าเราจะผ่อนหมดและโอนเล่มให้ 

ดังนั้นถ้าเราผิดสัญญา เขาก็มีสิทธิมาตามของของเขาคืนนั่นเอง  

ส่วนการคืนรถ”​ คือ กรณีที่เราเอารถไปคืนและไปจอดโดยทางไฟแนนซ์ตกลงรับรถไว้” ในลักษณะเป็น การเลิกสัญญาเช่าซื้อ นั่นเอง

ซึ่งหากมีการทำเอกสารเซนต์ชื่อโดยพนักงานของสถาบันการเงินแบบนี้ เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่างวดค้างหรือส่วนต่างเลย เพราะถือว่าสัญญาเลิกกันโดยผาสุขแล้ว

ที่เขาบอกกันว่าคืนรถแล้วจบเลย คือแบบนี้แหละครับ

คืนรถแล้วหมดหนี้เลยมั้ย

การคืนรถแล้วหมดหนี้จะต้องเป็นกรณีที่ผมเล่าไปด้านบนครับ ซึ่งมีหลายเจ้าหมดหนี้เลยจริงๆ ตามคำพิพากษาของศาล

เพราะเอกสารต่อรับรถคืนของทางไฟแนนซ์ไม่ได้ระบุข้อจำกัดให้รับผิดต่อนั่นเอง หรือที่หลายท่านอาจเคยได้ยินว่าให้ คืนก่อนค้าง 3 งวด  

แต่ปัจจุบัน หายากแล้วครับ เพราะไฟแนนซ์รู้ทัน!

แม้ว่าจะไม่ค้างค่างวดแล้วเดินไปคืนรถเลย ทางสถานบันการเงินก็จะมีเอกสารชัดเจนให้เราดูเลยในลักษณะที่ว่า เรายังต้องรับผิดชอบในราคาส่วนต่างหลังจากขายอีก 

ไม่ได้รับรถคืนไปเฉยๆและเขียนจบสัญญากันง่ายๆแล้ว 

หรือจะพูดอีกแบบหนึ่งคือ ยืมเงินเขาไปซื้อรถก่อนแล้วจะผ่อนให้ถ้าผ่อนหมดแล้วค่อยโอนความเป็นเจ้าของรถมาทีหลัง

เพราะงั้นต่อให้มีการรับรถคืน (ซึ่งโดยหลักของสัญญาเช่าซื้อพอคืนทรัพย์แล้วหนี้ระงับ) ก็ไม่หลุดพ้นความรับผิดในเงินที่ยืมเขามาออกรถนั่นเอง 

ยึดรถไปแล้วจะโดนฟ้องอีกมั้ย

ผลของการยึดรถก็จะเป็นการผิดสัญญาทั่วไป คือ ทางไฟแนนซ์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ย เรียกค่าส่วนต่างที่เขาจะเอารถไปขาย (แบบถูกๆ)

แล้วให้เราจ่ายส่วนต่างราคารถที่ขายได้กับหนี้คงค้าง

แล้วทีนี้ทางไฟแนนซ์จะเริ่มจากมีหนังสือทวงหนี้ มาบอกว่าเขาขายรถได้เท่าไหร่และหนี้เราค้างเขาอยู่เท่าไหร่

ถ้าเราไม่จ่ายเขาจะให้ทนายดำเนินคดีกับเรา 

เพราะงั้นถ้ารถโดยยึดไปเตรียมโดนฟ้องมาต่อได้เลยครับ ถ้าไม่ไปเจรจาจ่ายส่วนต่างที่เหลือ 

โดยประสบการณ์ของผมแล้วราคารถตกลงเรื่อยๆ (ไม่นับพวกรถสะสมนะครับ) เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้จ่ายค่างวดจนเขามายึดรถ ยังไงก็มีส่วนต่างเเน่นอน

นี่ยังไม่นับพวกดอกเบี้ยผิดนัด ค่าดำเนินการทวงถาม ค่าทนายความ ค่าเสียหาย และค่าขึ้นศาลอีก 

โดนยึดรถต้องเสียอะไรบ้าง

นอกจากเสียรถที่เราเอามาทำมาหากินแล้ว ก็จะเสียหน้า และหากมีการดำเนินคดีก็จะโดนค่าเสียหายที่เยอะขึ้นด้วย

สถาบันการเงินเขาคิดเราทุกเม็ด โดยเฉพาะที่เขาต้องจ้างพนักงานมาตามเราถึงบ้าน

ไม่ว่าจะตามกี่ครั้งเขามาเรียกเก็บจากเราหมด 

เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังอยู่ในสถานะการณ์ปัญหาเรื่องค่างวดผ่อนรถ ผมแนะนำให้เข้าไปเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อทำเรื่องผ่อนชำระดีกว่า

เพื่อลดค่าเสียหายระหว่างทางและค่าดำเนินคดี ที่สุดท้ายเราต้องมาเป็นคนจ่ายเพิ่มเองอีกด้วย  

แต่อย่าเพิ่งท้อใจไปครับ ผมเองก็ได้ตามข่าวเห็นโปรโมชั่นจากสถานบันการเงินหลายแห่งในแคมเปญคืนรถหมดหนี้อยู่เป็นระยะๆ

ไม่แน่ใจนะครับว่าถึงตอนนี้ยังมีโปรนี้อยู่ไหม ลองติดต่อไฟแนนซ์ของคุณคุยกับเขาดีๆครับ 

#คืนรถหมดหนี้ #ยึดรถ #คืนรถ #หนี้รถ

เนื้อหาและเรียบเรียงโดย #ทนายแชมป์ #champlawyer

สอบถามเพิ่มเติม

ติดต่อทนาย

ใส่ความเห็น