รวมคำถามที่พบบ่อยในการแบ่งมรดก ที่ดิน ไม่มีพินัยกรรม

Inheritance Distribution
มรดกเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทุกคน เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นก็จะมีการถ่ายเททรัพย์สินตามมา แต่ใครจะได้มรดกบ้างและได้มรดกเท่าไหร่
เป็นสิ่งที่คนทั่วไปยังไม่ทราบและไม่เข้าใจ หลายคนคิดว่าลูกได้ทั้งหมด หรือไม่มีลูกคู่สมรสจะได้มรดกคนเดียว การเข้าใจผิดเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น เป็นต้นเหตุทำให้เกิดการฟ้องร้องกันอย่างมากในอดีตจนถึงปัจจุบัน
   เรียกได้ว่าทนายทุกคนต้องเคยได้ทำคดีมรดกกันทั้งนั้นเลย บทความนี้ผมจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ สัดส่วนของมรดกในกรณีต่างๆ และมรดกที่เป็นที่ดินมีเรื่องที่น่าสนใจยังไงบ้าง ซึ่งเราจะคุยกันกรณีที่ไม่มีพินัยกรรมนะครับ

อัตราส่วนการแบ่งมรดก

ก่อนที่จะไปถึงสัดส่วนต้องเข้าใจก่อนว่าใครจะได้มรดกบ้าง ตามกฎหมายแล้วญาติทุกคนไม่ได้มรดกทุกคน กฎหมายใช้หลักการที่ว่าถ้าญาติชิดยังอยู่ญาติห่างจะไม่ได้มรดก โดยเรียงลำดับตามนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีญาติยังมีชีวิตอยู่หลายคน และถ้าลำดับบนยังอยู่ลำดับล่างๆจะไม่ได้มรดกเลย ยกเว้น
  • ลูก (ผู้สืบสันดาน)
  • พ่อแม่
  • พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน
  • พี่น้องคนละพ่อหรือคนละแม่
  • ปู่ ย่า ตา ยาย
  • ลุง ป้า น้า อา
  ถ้ามีคู่สมรส คุ่สมรสจะได้เสมอ
  ต่อไปเรามาว่ากันเรื่องของสัดส่วนกัน ตามตัวอย่างต่างๆดังนี้ โดยในตัวอย่างจะระบุไว้แค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เจ้ามรดกเสียชีวิต
  • ถ้ามีคู่สมรสและมีลูก = ทุกคนได้เท่ากัน (ไม่ว่ามีลูกกี่คนก็ตาม)
  • มีคู่สมรส และ พ่อแม่ยังไม่เสีย = คู่สมรสได้ 50% และ พ่อกับแม่ได้รวมกัน 50% ในส่วนเท่าๆกัน
  • มีคู่สมรส มีลูก พ่อแม่ยังไม่เสีย = ทุกคนได้เท่ากัน (ไม่ว่ามีลูกี่คนก็ตาม)
  • มีคู่สมรส และ มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน = คู่สมรส 50% และพี่น้องได้รวมกัน 50% ในส่วนเท่าๆกัน
  • มีคู่สมรส และ พี่น้องคนละพ่อหรือคนละแม่ = คู่สมรส 2 ส่วน และพี่น้องคนละพ่อหรือคนละแม่รวมกัน 1 ส่วน
  • มีคู่สมรส และ ปู่ ย่า ตา ยาย = คู่สมรส 2 ส่วน และปู่ย่าตายาย รวมกัน 1 ส่วน
  • มีคู่สมรส และ ลุงป้าน้าอา = คู่สมรส 2 ส่วนและลุงป้าน้าอารวมกัน 1 ส่วน
จะสังเกตุได้ชัดเจนเลยว่า คู่สมรสจะมีส่วนแบ่งด้วยทุกรณีไม่ว่าญาติคนไหนจะมีหรือไม่มี ต่างจากญาติและทายาทคนอื่นๆที่ต้องดูก่อนว่ามีทายาทลำดับบนหรือเปล่านั่นเอง

ผู้จัดการมรดก โอนที่ดินให้ใครได้บ้าง โอนที่ดินให้ตัวเองได้ไหม

     เรื่องนี้เป็นคำถามพี่พบบ่อยเพราะทางปฏิบัติผู้จัดการมรดกจะชอบโอนที่ดินไปในชื่อของตนเอง แต่ทายาทอย่าเพิ่งถอนใจนะครับเพราะเขาแค่ถือแทนเราไว้เฉยๆ เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องได้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเป็นผู้จัดการมรดก กับ ทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดก เป็นคนละเรื่องกัน หลายครอบครัวแต่งตั้งให้ทนายความเป็นผู้จัดการมรดกแทนก็มี ทั้งๆที่ทนายความไม่ได้มรดกเลยสักบาทเดียว
ดังนั้นการเป็นผู้จัดการมรดก จึงไม่เท่ากับได้มรดกเยอะที่สุด ถ้าคนนั้นๆจะได้รับมรดกเท่าไหร่ก็ต้องอยู่ที่เขาเองมีสิทธิได้มรดกเท่าไหร่โดยที่ไม่เกี่ยวกับฐานะผู้จัดการมรดกเลย
“ผู้จัดการมรดก โอนที่ดินให้ใครได้บ้าง”
  ผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ต้องโอนที่ดินให้กับทายาท (ที่ดินเป็นมรดก) ที่ได้รับมรดกตามสัดส่วนของกฎหมาย หรือสัดส่วนที่ทายาทมีข้อตกลงแบ่งกันเองไว้แล้ว ถ้าผู้จัดการมรดกโอนที่ดิน (มรดก) ให้กับคนอื่นหรือทายาทคนใดที่เป็นส่วนที่เกินกว่ามรดกหรือทายาทไม่ได้ยินยอมหรือสั่งให้ทำ ผู้จัดการมรดกคนนั้นจะมีความผิดทางกฎหมายอย่า่งชัดเจน
  “ทำไมผู้จัดการมรดก โอนที่ดินให้ตนเองเยอะมาก”

  เรื่องนี้หลายคนเข้าใจผิด การที่ผู้จัดการมรดกโอนที่ดินให้ตัวเองเป็นได้สองกรณี

  1. โอนให้ตัวเองเพราะเป็นสิทธิที่ตนเองจะได้มรดกอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ปกคิรับ
  2. โอนใส่ชื่อตัวเองไว้ในฐานะผู้จัดการมรดก เพื่อความสะดวกในการจัดการให้ทายาทต่อไป เช่น รอขาย ทายาทยังตกลงกันไม่ได้ เป็นต้น

ตัวอย่างการแบ่งมรดกระหว่างพี่น้อง ไม่มีพินัยกรรม

สมมุติว่ามีมรดก 1,000,000 บาท มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน 3 คน ไม่มีคู่สมรส จะแบ่งมรดกได้ดังนี้
  • ให้ดูก่อนว่ามีพ่อแม่เสียไปหมดหรือยัง และคนตายมีลูกไหม ถ้ามีเราอด
  • ถ้าพ่อแม่เสียแล้วและคนขายได้มีลูกเราจะได้เท่าๆกันทั้ง 3 คน = 333,333 บาท (เหลือ 1 บาท ตกลงกันเองนะครับ)

ตัวอย่างการแบ่งมรดกของคู่สมรม ไม่มีพินัยกรรม

  คู่สมรสจะได้มรดกเสมอไม่ว่าจะมีญาติคนไหนเหลืออยู่ก็ตาม สัดส่วนแบบละเอียดสามารถย้อนดูข้างต้นได้ อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผมอยากฝากไว้ คือ “แยกสินสมรสก่อน”
  หลายคดีมีต้นเหตุมาจากที่ว่าไม่ยอมแยก สินสมรส ออกมาก่อนเนิ่นๆ ทำให้ทรัพย์สินต่างๆไปปนกันระหว่าง มรดกกับสินสมรสที่เป็นส่วนของคู่สมรสอยู่แล้วนั่นเอง

ที่ดินมรดก ต้องโอนภายในกี่ปี

เรื่องนี้จะต้องดูหน้าที่ของผู้จัดการมรดกครับว่า เขามีหน้าที่ต้องโอนมรดกให้กับทายาทภายในเวลาเท่าใด กฎหมายได้ระบุไว้ครับว่าภายใน 1 ปี โดยเริ่มนับง่ายๆจากวันที่เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลนั่นแหละครับ แต่… หลายคนสงสัยใช่ไหมครับว่า ทำไมในทางปฏิบัติมันมักจะเกิน 1 ปีอยู่ตลอดเลย ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ได้ทรัพย์มรดกสักที
เรื่องนี้มีขั้นตอนทางกฎหมายให้ติดตามมรดกต่อครับ
อย่างแรก ถ้าใน 1 ปีนั้นผู้จัดการมรดกไม่ทำอะไรเลยให้เราไปศาลทำเรื่องถอนผู้จัดการมรดกเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้เลยครับ (ความจริงสามารถฟ้องให้เขาทำการแบ่งมรดกก็ได้นะ แต่เหนื่อยกว่าเยอะครับคนจะไม่ทำยังไงมันก็ไม่ทำครับ)
อย่างที่สอง ถ้ามีการโกงมรดกโดยผู้จัดการมรดกเอง เราสามารถฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและทางอาญาให้ติดคุกได้เลย สิ่งสำคัญ คือ อย่าเชื่อใจเกินไปในทางปฏิบัติผู้จัดการมรดกมักจะเป็นญาติผู้ใหญ่ หรือพี่คนโต ทำให้ญาติๆเกรงใจไม่ทำอะไรจนเสียสิทธิของตนเองมาหลายคนแล้ว
มาถึงตรงนี้ ถ้าใครเป็นผู้จัดการมรดกก็อย่าเพิ่งเครียดเกินไปนะครับเพราะต่อให้เราพยายามแบ่ง และติดตามรดกแล้วแต่มีความจำเป็นทำให้ไม่เสร็จภายใน 1 ปี ก็ถือว่ามีเหตุสมควรและอยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ครับ แบบนี้ไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาฟ้องร้องถอนเราจากตำแหน่งนี้ ขอให้เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสุจริตใจไม่โกงทายาทก็พอครับ

สรุป

โดยทั้งหมดแล้วมรดกเป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นเรื่องที่ถูกปล่อยปละละเลยมากที่สุดด้วยเหตุที่ว่าญาติคนอื่นเขาเป็นคนจัดการและเราไม่ต้องการทะเลาะหรือเสียญาติ แต่ตามประสบการณ์ผมแล้วนะครับ ยิ่งปล่อย ยิ่งนาน ยิ่งเสียหาย ยิ่งเกลียดกัน เพราะฉะนั้นควรหาทางออกในการจัดการมรดกและแบ่งปันให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะถ้าสามารถเรียกทุกคนมาไกล่เกลี่ยและทำข้อตกลงทายาทได้ จะดีที่สุดเลยครับ เพราะความเป็นจริงไม่มีทางเอาของทุกอย่างขายและเอาเงินมาหารกันเหมือนตัวอย่างทั่วไป แต่มันต้องคุยกันว่าใครจะเอาที่ดินแปลงไหน ใครจะเอาเพชร เอารถคันไหน แบบนี้ยั่งยืนกว่า…

เนื้อหาและเรียบเรียงโดย ทนายแชมป์

สอบถามเพิ่มเติม

ติดต่อทนาย